กฎหมายความปลอดภัย

เครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน: ความสำคัญและการเลือกใช้อย่างเหมาะสม

ในยุคที่ความปลอดภัยของคนในอาคารเป็นสิ่งสำคัญ การติดตั้งเครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือเหตุฉุกเฉินด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ซึ่งเครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟจะช่วยนำทางและแจ้งเตือนให้คนในอาคารออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว

เครื่องไฟฉุกเฉิน คืออะไร?

เครื่องไฟฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อให้แสงสว่างในกรณีที่ไฟฟ้าหลักขัดข้อง โดยปกติจะทำงานอัตโนมัติเมื่อไฟฟ้าหลักดับและสามารถส่องสว่างนานหลายชั่วโมงตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น 1-3 ชั่วโมง เพื่อให้คนในอาคารสามารถหาเส้นทางออกได้อย่างปลอดภัย

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน คืออะไร?

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นป้ายที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณสำคัญของอาคาร เช่น ห้องโถง ทางเดิน บันได และทางออกหลัก ซึ่งจะมีไฟส่องสว่างเพื่อชี้แนวทางออกในกรณีฉุกเฉิน ป้ายนี้ควรมีความชัดเจน อ่านง่าย และทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นและเข้าใจง่ายในเวลาที่จำเป็น

ความสำคัญของเครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

  1. เพิ่มความปลอดภัย: รองรับการขึ้นลงในพื้นที่อับ หรือในกรณีไฟดับ
  2. ลดความตื่นตระหนก: ช่วยให้คนในอาคารสามารถหาเส้นทางออกได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
  3. เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐาน: การติดตั้งอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของหน่วยงานความปลอดภัย เช่น มอก. หรือ กองบังคับบัญชาไฟฟ้า

การเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉินที่เหมาะสม

  • เลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน มอก. หรือมาตรฐานสากล เช่น CE, UL
  • เลือกความสว่างที่เพียงพอในพื้นที่ใช้งาน
  • คำนึงถึงความสามารถในการใช้งานต่อเนื่องอย่างน้อย 1-3 ชั่วโมง
  • ติดตั้งในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนและง่ายต่อการเข้าถึง
  • ควรมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อความพร้อมใช้งานเสมอ

สรุป

เครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยในอาคาร ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ติดตั้งอย่างถูกต้อง และดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพในเวลาที่ต้องการ

 

 

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน: ความจำเป็นและการเลือกใช้อย่างมืออาชีพเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ในยุคปัจจุบัน ความปลอดภัยของผู้ใช้งานภายในอาคารเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจละเลยโดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น เกิดไฟไหม้ น้ำรั่วไหล หรือเหตุร้ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน การติดตั้งป้ายไฟทางออกฉุกเฉินจึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่สำคัญและจำเป็น เพื่อให้บุคคลภายในอาคารสามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

ความสำคัญของป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

  1. นำทางในเวลาระดับวิกฤติ: เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจน ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นและตัดสินใจเดินไปยังทางออกได้ทันที
  2. สร้างความมั่นใจและลดความตื่นตระหนก: ป้ายไฟที่ชัดเจนและสว่างเพียงพอ สร้างความเข้าใจและความมั่นใจในทางออก ทำให้การอพยพเป็นไปอย่างเป็นระเบียบ
  3. ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสากล: การติดตั้งป้ายไฟฉุกเฉินเป็นข้อกำหนดที่กฎหมายกำหนดไว้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ตามมาตรฐาน มอก. และกฎระเบียบด้านความปลอดภัยอาคาร

ทำไมป้ายไฟทางออกฉุกเฉินจึงมีความจำเป็น?

  • รองรับการดับไฟและเหตุการณ์คาดไม่ถึง: ในสถานการณ์ที่แสงสว่างลดลงหรือไฟดับ ป้ายไฟช่วยให้เส้นทางออกสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
  • ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ: ช่วยป้องกันการบาดเจ็บหรือการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินทางในทางที่ไม่แน่นอน
  • สนับสนุนการอพยพในเวลาจำกัด: ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การมีป้ายไฟที่สมบูรณ์และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพิ่มความรวดเร็วในการอพยพออกจากอาคาร

การเลือกใช้งานป้ายไฟทางออกฉุกเฉินอย่างมืออาชีพ

  1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน: ควรเลือกป้ายไฟที่ได้รับการรับรอง มอก. หรือมาตรฐานสากล เช่น CE, UL เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
  2. พิจารณาความสว่างและระยะมองเห็น: ควรมีความสว่างเพียงพอในสภาพแวดล้อมที่มืดหรือเวลาที่ไฟดับ
  3. ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม: ควรอยู่ในจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนจากทุกมุมของห้องหรืออาคาร และสามารถมองเห็นได้ในทุกช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนย้าย
  4. ดูแลและบำรุงรักษาเป็นประจำ: ตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟและความสามารถในการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมใช้งานในยามฉุกเฉิน

สรุป

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ช่วยสร้างความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการอพยพในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากเลือกใช้อย่างถูกวิธีและได้รับการดูแลอย่างดี จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยชีวิตและลดความเสี่ยงจากเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ประกอบการ เจ้าของอาคาร หรือนักออกแบบความปลอดภัย แนะนำให้เลือกป้ายไฟที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของทุกชีวิตในอาคาร

 

 

ไฟฉุกเฉินแบบรวมศูนย์ (Central Battery): ความจำเป็นและการเลือกใช้งาน

ไฟฉุกเฉินคืออะไร?

ไฟฉุกเฉิน (Emergency Lighting) คือระบบแสงสว่างสำรองที่ทำงานอัตโนมัติเมื่อระบบไฟฟ้าหลักขัดข้อง ช่วยให้ผู้คนสามารถอพยพได้อย่างปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้, ไฟดับ, หรืออุบัติเหตุทางไฟฟ้า

ในยุคที่ความปลอดภัยในอาคารถือเป็นมาตรฐานสำคัญ ระบบไฟฉุกเฉินจึงไม่ใช่ "ทางเลือก" แต่เป็น"ความจำเป็น"โดยเฉพาะในอาคารสำนักงาน, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน หรือโรงงานอุตสาหกรรม

ไฟฉุกเฉินแบบรวมศูนย์ (Central Battery) คืออะไร?

ระบบไฟฉุกเฉินแบบรวมศูนย์ หรือCentral Battery System เป็นระบบที่ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพียงชุดเดียวในการจ่ายไฟให้กับไฟฉุกเฉินทุกดวงในอาคาร แทนการใช้แบตเตอรี่เฉพาะแต่ละดวงเหมือนในระบบทั่วไป (Self-contained)

ส่วนประกอบหลักของระบบ Central Battery:

  • แบตเตอรี่ส่วนกลาง (Central Battery Bank)
  • ตู้ควบคุมระบบ (Control Panel)
  • สายส่งและตู้จ่าย (Distribution Units)
  • โคมไฟฉุกเฉิน (Emergency Luminaires)

ข้อดีของระบบ Central Battery

  1. บำรุงรักษาง่าย – ตรวจเช็คแบตเตอรี่เพียงจุดเดียว ไม่ต้องดูแลแต่ละดวง
  2. อายุการใช้งานยาว – แบตเตอรี่ส่วนกลางมักเป็นชนิดที่ทนทาน เช่น VRLA หรือ LiFePO₄
  3. ความปลอดภัยสูง – ควบคุมการทำงานแบบศูนย์กลาง ลดโอกาสเกิดความผิดพลาด
  4. ตอบโจทย์อาคารขนาดใหญ่ – เหมาะกับอาคารที่มีระบบไฟฉุกเฉินหลายจุด
  5. สามารถติดตั้งระบบตรวจสอบอัตโนมัติ (Self-test system) ได้สะดวก

ความจำเป็นของไฟฉุกเฉินในอาคาร

ตามกฎหมายไทยเช่นพระราชบัญญัติควบคุมอาคารและมาตรฐานการออกแบบอาคารของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.)การติดตั้งไฟฉุกเฉินในอาคารสาธารณะถือเป็นข้อบังคับ เพื่อ:

  • ป้องกันความเสียหายจากอุบัติเหตุ
  • รองรับการอพยพฉุกเฉิน
  • สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้อาคาร

การเลือกใช้งานระบบไฟฉุกเฉินแบบ Central Battery

เหมาะกับใคร?

  • อาคารที่มีขนาดใหญ่หรือมีหลายชั้น
  • อาคารที่ต้องการระบบควบคุมแบบรวมศูนย์
  • องค์กรที่มีงบประมาณสำหรับการลงทุนระยะยาว

ปัจจัยในการเลือก:

  1. ขนาดของระบบ – ขึ้นอยู่กับจำนวนโคมและระยะเวลาการทำงานที่ต้องการ
  2. ชนิดของแบตเตอรี่ – เช่น AGM, GEL หรือ Lithium
  3. มาตรฐานที่รองรับ – เช่น EN 50171, ISO, มอก. 1102-2538
  4. ฟังก์ชันเสริม – ระบบ Monitoring, Self-test, Remote control
  5. ผู้ผลิตและบริการหลังการขาย – ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีทีมซัพพอร์ตในประเทศ

สรุป

ไฟฉุกเฉินแบบรวมศูนย์ (Central Battery System) เป็นโซลูชันที่เหมาะสำหรับองค์กรหรืออาคารที่ต้องการระบบไฟฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพสูง ควบคุมง่าย และลดภาระในการบำรุงรักษาเมื่อเลือกใช้ร่วมกับแบรนด์ที่เชื่อถือได้และทีมช่างที่มีความชำนาญ ระบบนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างความปลอดภัยที่มั่นคงของอาคารคุณ

 

เครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน: ความสำคัญและการเลือกใช้อย่างเหมาะสม

ในยุคที่ความปลอดภัยของคนในอาคารเป็นสิ่งสำคัญ การติดตั้งเครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือเหตุฉุกเฉินด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ซึ่งเครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟจะช่วยนำทางและแจ้งเตือนให้คนในอาคารออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว

เครื่องไฟฉุกเฉิน คืออะไร?

เครื่องไฟฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อให้แสงสว่างในกรณีที่ไฟฟ้าหลักขัดข้อง โดยปกติจะทำงานอัตโนมัติเมื่อไฟฟ้าหลักดับและสามารถส่องสว่างนานหลายชั่วโมงตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น 1-3 ชั่วโมง เพื่อให้คนในอาคารสามารถหาเส้นทางออกได้อย่างปลอดภัย

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน คืออะไร?

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นป้ายที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณสำคัญของอาคาร เช่น ห้องโถง ทางเดิน บันได และทางออกหลัก ซึ่งจะมีไฟส่องสว่างเพื่อชี้แนวทางออกในกรณีฉุกเฉิน ป้ายนี้ควรมีความชัดเจน อ่านง่าย และทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นและเข้าใจง่ายในเวลาที่จำเป็น

ความสำคัญของเครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

  1. เพิ่มความปลอดภัย: รองรับการขึ้นลงในพื้นที่อับ หรือในกรณีไฟดับ
  2. ลดความตื่นตระหนก: ช่วยให้คนในอาคารสามารถหาเส้นทางออกได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
  3. เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐาน: การติดตั้งอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของหน่วยงานความปลอดภัย เช่น มอก. หรือ กองบังคับบัญชาไฟฟ้า

การเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉินที่เหมาะสม

  • เลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน มอก. หรือมาตรฐานสากล เช่น CE, UL
  • เลือกความสว่างที่เพียงพอในพื้นที่ใช้งาน
  • คำนึงถึงความสามารถในการใช้งานต่อเนื่องอย่างน้อย 1-3 ชั่วโมง
  • ติดตั้งในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนและง่ายต่อการเข้าถึง
  • ควรมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อความพร้อมใช้งานเสมอ

สรุป

เครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยในอาคาร ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ติดตั้งอย่างถูกต้อง และดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพในเวลาที่ต้องการ

 

ไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน กับโคมไฟฟ้าป้ายทางออก เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกอาคารต้องติดตั้ง เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ ไฟดับ ผู้อยู่ในอาคารจะได้อพยพหนีภัยออกจากอาคารได้อย่างปลอดภัย

แต่ยังมีอาคารอีกจำนวนมากที่ไม่มีการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน และโคมไฟฟ้าป้ายทางออก เพื่อความปลอดภัยของชีวิตผู้มาใช้บริการอาคาร แม้จะมีกฎหมายบังคับก็ตามกิตติ สุขุตมตันติ เลขานุการคณะกรรมการมาตรฐานการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เผยว่า “วสท. ได้ร่วมกับ สมาคมไฟฟ้าแสงสว่างแห่งประเทศไทย กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร และ สมาคมช่างเหมาไฟฟ้าและเครื่องกลไทย ในการจัดทำมาตรฐานระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉินและโคมไฟฟ้าป้ายทางออก ที่เรียกรหัสย่อว่ามาตรฐาน วสท. 2004 โดยจัดทำแล้วเสร็จ และเริ่มใช้ในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544”

มาตรฐาน วสท. 2004 มาตรฐานระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉินและโคมไฟฟ้าป้ายทางออก กำหนดให้หากเกิดกรณีไฟดับแล้วอาคารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน สำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียน สถานบันเทิง ร้านอาหาร คอนโดฯ ต้องติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉินที่ให้ระดับความส่องสว่างที่พื้นกึ่งกลางทางหนีไฟไม่น้อยกว่า 1 ลักซ์

เพื่อให้ผู้อยู่ในอาคารสามารถอพยพหนีภัยออกจากอาคารได้อย่างปลอดภัยหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ ไฟดับ ซึ่งเป็นความปลอดภัยขั้นต่ำของอาคารตามกฎหมาย (กฎหมายปัจจุบัน เช่น กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. 2555)

และยังได้กำหนดให้ต้องติดตั้งโคมไฟฟ้าป้ายทางออกที่เหนือประตูทางออก และตลอดเส้นทางหนีไฟ โดยใช้รูปสัญลักษณ์คนก้าวขาผ่านประตูพร้อมกับลูกศร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปภาพตามมาตรฐานสากล ISO อันจะเป็นสัญลักษณ์ที่คนทุกชาติ ทุกภาษาเห็นรูปภาพแล้วจะเข้าใจได้ตรงกันว่านี่คือป้ายบอกทางออก หรือบางคนเรียกว่า ป้ายบอกทางหนีไฟ

โดยมาตรฐานกำหนดการติดตั้งโคมไฟฟ้าป้ายทางออก ที่เส้นทางเดินหรือเส้นทางหนีไฟ ไว้ว่า หากสัญลักษณ์รูปภาพใหญ่ขนาดสูง 10 ซม. ก็ต้องติดตั้งโคมไฟป้ายทางออกตามทางหนีไฟทุกระยะไม่เกิน 24 เมตร แต่หากระยะห่างไกลเกินกว่านั้นก็สามารถเลือกใช้โคมไฟฟ้าป้ายทางออกที่มีขนาดรูปภาพใหญ่ขึ้นเป็น 15 ซม. สำหรับระยะห่างได้ถึง 36 เมตร หรือ เลือกใช้สัญลักษณ์ใหญ่ 20 ซม. ก็สามารถติดระยะห่างได้ถึง 48 เมตร เป็นต้น

วิธีการสังเกตว่าอาคารที่เราเข้าไปใช้ มีความปลอดภัยของระบบป้องกันอัคคีภัยที่ดีหรือไม่ สามารถสังเกตได้อย่างง่าย คือ อาคารนั้นควรมีการติดตั้งโคมไฟฟ้าป้ายทางออกที่เหนือประตูทางออก และ ควรมีโคมไฟฟ้าป้ายทางออกที่มองเห็นได้ในระยะไม่เกิน 24 เมตรจากจุดที่เราอยู่ และโคมไฟฟ้าป้ายทางออกต้องส่องสว่างตลอดเวลาที่มีคนใช้งานอยู่ในอาคาร แต่ถ้าหากจากจุดที่เรายืนอยู่ เหลียวซ้ายแลขวา มองรอบตัว

แล้วยังมองไม่เห็นโคมไฟฟ้าป้ายทางออกในระยะ 24 เมตรแล้ว ก็สันนิษฐานในเบื้องต้นได้เลยว่า อาคารดังกล่าวมีระบบป้องกันอัคคีภัยไม่ได้ตามมาตรฐาน และผู้ใช้อาคารก็จะมีความเสี่ยงภัยต่อชีวิตหากเข้าไปใช้บริการหรือทำงานในอาคารดังกล่าว เพราะถ้าหากเกิดไฟไหม้ ไฟดับแล้ว เขาจะไม่รู้เลยว่าควรจะออกจากอาคารได้ด้วยเส้นทางใด

สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ก็ได้จัดทำมาตรฐาน มอก. ของผลิตภัณฑ์โคมไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉินและโคมไฟฟ้าป้ายทางออกเช่นกัน ดังนั้น การเลือกซื้อโคมไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน ก็ควรเป็นโคมไฟฟ้าที่มีคุณภาพ ผ่านมาตรฐาน มอก. 1102-2538 โคมไฟฟ้าฉุกเฉินชุดเบ็ดเสร็จ

ส่วนการเลือกซื้อโคมไฟฟ้าป้ายบอกทางหนีไฟที่ดี ก็ควรได้มาตรฐาน มอก. 2430-2552 โคมไฟฟ้าป้ายทางออกฉุกเฉินชนิดส่องสว่างจากภายในสำหรับอาคาร และการติดตั้งก็ควรต้องได้ตามมาตรฐาน มอก. 2539-2554 มาตรฐานการติดตั้งโคมไฟฟ้าป้ายทางออกฉุกเฉินชนิดส่องสว่างจากภายในสำหรับอาคาร

ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ www.eit.or.th หรือ สมาคมไฟฟ้าแสงสว่างแห่งประเทศไทย www.TIEAThai.org

ขอขอบพระคุณเนื่อหาดีๆจาก ทีมเดลินิวส์ 38

Visitors: 65,114,233