ป้ายไฟฉุกเฉิน
ป้ายไฟฉุกเฉิน Emergency Exit Signs
ป้ายไฟฉุกเฉิน (Emergency Exit Signs)
จุดประสงค์การใช้ทำงาน ไฟฉุกเฉินคือ ใช้เป็นเครื่องมือให้แสงสว่างในกรณีที่ไฟฟ้าดับ โดยเครื่อง
จะส่องสว่างอัตโนมัติ เพื่อให้หน่วยงานมีแสงสว่างในเวลากลางคืน
ป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน: ความจำเป็นและการเลือกใช้อย่างมืออาชีพเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ในยุคปัจจุบัน ความปลอดภัยของผู้ใช้งานภายในอาคารเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจละเลยโดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น เกิดไฟไหม้ น้ำรั่วไหล หรือเหตุร้ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน การติดตั้งป้ายไฟทางออกฉุกเฉินจึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่สำคัญและจำเป็น เพื่อให้บุคคลภายในอาคารสามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
ความสำคัญของป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน
- นำทางในเวลาระดับวิกฤติ: เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจน ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นและตัดสินใจเดินไปยังทางออกได้ทันที
- สร้างความมั่นใจและลดความตื่นตระหนก: ป้ายไฟที่ชัดเจนและสว่างเพียงพอ สร้างความเข้าใจและความมั่นใจในทางออก ทำให้การอพยพเป็นไปอย่างเป็นระเบียบ
- ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสากล: การติดตั้งป้ายไฟฉุกเฉินเป็นข้อกำหนดที่กฎหมายกำหนดไว้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ตามมาตรฐาน มอก. และกฎระเบียบด้านความปลอดภัยอาคาร
ทำไมป้ายไฟทางออกฉุกเฉินจึงมีความจำเป็น?
- รองรับการดับไฟและเหตุการณ์คาดไม่ถึง: ในสถานการณ์ที่แสงสว่างลดลงหรือไฟดับ ป้ายไฟช่วยให้เส้นทางออกสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
- ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ: ช่วยป้องกันการบาดเจ็บหรือการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินทางในทางที่ไม่แน่นอน
- สนับสนุนการอพยพในเวลาจำกัด: ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การมีป้ายไฟที่สมบูรณ์และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพิ่มความรวดเร็วในการอพยพออกจากอาคาร
การเลือกใช้งานป้ายไฟทางออกฉุกเฉินอย่างมืออาชีพ
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน: ควรเลือกป้ายไฟที่ได้รับการรับรอง มอก. หรือมาตรฐานสากล เช่น CE, UL เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
- พิจารณาความสว่างและระยะมองเห็น: ควรมีความสว่างเพียงพอในสภาพแวดล้อมที่มืดหรือเวลาที่ไฟดับ
- ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม: ควรอยู่ในจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนจากทุกมุมของห้องหรืออาคาร และสามารถมองเห็นได้ในทุกช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนย้าย
- ดูแลและบำรุงรักษาเป็นประจำ: ตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟและความสามารถในการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมใช้งานในยามฉุกเฉิน
สรุป
ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ช่วยสร้างความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการอพยพในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากเลือกใช้อย่างถูกวิธีและได้รับการดูแลอย่างดี จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยชีวิตและลดความเสี่ยงจากเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ประกอบการ เจ้าของอาคาร หรือนักออกแบบความปลอดภัย แนะนำให้เลือกป้ายไฟที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของทุกชีวิตในอาคาร
หลักการทำงานของป้ายไฟฉุกเฉินคือ
เป็นอุปกรณ์ที่เก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่ ซึ่งแบตเตอรี่จะมี 2 แบบ คือ แบบชนิดเติมน้ำ
กลั่น และชนิดแห้งไม่ต้องเติมน้ำกลั่น และเมื่อไฟฟ้าดับจะใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไป On หน้า Contact
ของ Relay และจะทำให้หลอดไฟสว่างเมื่อมีกระแสไฟฟ้าจ่ายให้ไฟฉุกเฉินก็จะมีวงจรลดแรงดันไฟฟ้า
และแปลงกระแสไฟฟ้าให้เป็นกระแส DC เพื่อประจุให้แบตเตอรี่และมีวงจร Off หน้า Concat relay เพื่อ
ไม่ให้หลอดไฟสว่าง
ขั้นตอนการใช้งานที่ถูกต้อง
ก่อนใช้งาน
- ควรศึกษาคู่มือการใช้งานแต่ละยี่ห้อให้เข้าใจ
- การติดตั้งไฟฉุกเฉิน ควรคำนึงถึงชนิดของแบตเตอรี่ของไฟฉุกเฉินนั้น ๆ เช่นถ้าแบตเตอรี่
แบบเติมน้ำกลั่น ควรจะติดตั้งบริเวณทางเดินหรือที่โล่ง หรือพื้นที่ที่มีการระบายอากาศเป็น
อย่างดีเพราะตลอดเวลาที่มีการประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่จะมีไอตะกั่วระเหยออกมาเป็น
อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจถ้านำไปติดตั้งในห้องที่มีอากาศถ่ายเทไม่เพียงพอ ในห้องที่มี
อากาศถ่ายเทไม่ดีหรือห้องที่เป็นระบบปิดควรติดตั้งไฟฉุกเฉินแบบชนิดแบตเตอรี่แห้ง
ระหว่างการใช้งาน
- ถ้าเป็นแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่นต้องตรวจสอบระดับน้ำกลั่นทุก ๆ 1 เดือน
- ทดสอบการใช้งานว่าเครื่องสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่โดยกดปุ่ม test ทุก ๆ 1 เดือน ว่าหลอดไฟติดหรือไม่ ถ้าเป็นรุ่นที่ไม่มีปุ่ม test ให้ถอดปลั๊กไฟฟ้า
- ถ้าไฟดับในเวลากลางวัน แล้วมีใครปิดสวิทซ์ เพื่อไม่ให้หลอดไฟสว่างเมื่อไฟฟ้าจ่ายเป็นปกติ แล้วให้เปิดสวิทซ์เพราะมิเช่นนั้น ไฟฉุกเฉินจะไม่ประจุไฟเข้าแบตเตอรี่
- ควรให้แบตเตอรี่มีการคายประจุไฟฟ้าจนหมดเพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่โดยเปิด เครื่องทิ้งไว้ประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง
การบำรุงรักษาป้ายไฟฉุกเฉิน
- ทำความสะอาดดวงโคม ทุก 2 สัปดาห์
- ตรวจสอบระดับน้ำกลั่น เติมน้ำกลั่น ทุก 1 เดือน
- ทดสอบการทำงานของเครื่อง test เครื่อง ทุก ๆ 1 เดือน
- คายประจุแบตเตอรี่ให้หมด ทุก ๆ 6 เดือน
การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้า ไฟฉุกเฉิน โคมไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน
โดยเลือกระยะเวลาการใช้งาน(Duration) จำนวนชั่วโมง จำนวนหลอดไฟฉุกเฉินที่ใช้ ชนิดของหลอดไฟฉุกเฉิน คือ หลอดไฟฉุกเฉินไดคออิก ฮาโลเจน(Dichroic Halogen)และหลอดไฟฉุกเฉินทังสเตนส์ ฮาโลเจน(Tungsten Halogen) หรือ แอลอีดี(LED)
การดูแลรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้า ไฟฉุกเฉิน โคมไฟฉุกเฉิน หลังการติดตั้งโคมไฟฉุกเฉิน
ฝ่ายช่างหรือผู้ดูแลโคมไปฉุกเฉิน ต้องมีการตรวจสอบระบบการทำงานของโคมไฟฟ้าฉุกเฉิน ทุกๆ เดือน โดยวิธีทดสอบ ดังนี้
1. ทดสอบที่ตัวโคมไฟฟ้าฉุกเฉินหรือไฟฉุกเฉิน โดยกดสวิตช์ TEST หลอดไฟฉุกเฉินที่ต่ออยู่กับเครื่องไฟฟ้าฉุกเฉินจะต้องติดสว่าง ปล่อยสวิตช์หลอดไฟฉุกเฉินที่ต่อกับเครื่องไฟก็จะดับ
2. ถอดปลั๊กโคมไฟฉุกเฉินหรือไฟฉุกเฉินออก หลอดไฟฉุกเฉินที่ต่ออยู่กับเครื่องไฟฟ้าฉุกเฉินจะต้องติดสว่าง และให้ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หลังการทดสอบให้เสียบปลั๊กไฟของโคมไฟฟ้าฉุกเฉิน เข้ากับเต้าเสียบเหมือนเดิมให้มีการอัดประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรรี่ ของโคมไฟฟ้าฉุกเฉิน
สาเหตุที่ต้องมีการทดสอบระบบโคมไฟฟ้าฉุกเฉิน หรือ ไฟฉุกเฉิน ทุกๆเดือน
1. แบตเตอรี่ของไฟฉุกเฉิน หรือ โคมไฟฉุกเฉิน จะได้มีการคายประจุและอัดประจุไฟฟ้า เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของสารเคมีทีมีภายในแบตเตอรี่หรือเกิดการลัดวงจรของเซลล์แบตเตอรี่ ของโคมไฟฟ้าฉุกเฉิน มีผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพการทำงาน และหมดอายุการใช้งานเร็วขึ้น
2. ทดสอบการทำงานของอุปกรณ์โคมไฟฟ้าฉุกเฉิน ไฟฉุกเฉิน ว่ามีทำงานที่เป็นปกติดีหรือไม่ ถ้าการทำงานไม่ปกติ ให้รีบแจ้งฝ่ายบริการของบริษัทได้ทันที
เครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน: ความสำคัญและการเลือกใช้อย่างเหมาะสม
ในยุคที่ความปลอดภัยของคนในอาคารเป็นสิ่งสำคัญ การติดตั้งเครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือเหตุฉุกเฉินด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ซึ่งเครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟจะช่วยนำทางและแจ้งเตือนให้คนในอาคารออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
เครื่องไฟฉุกเฉิน คืออะไร?
เครื่องไฟฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อให้แสงสว่างในกรณีที่ไฟฟ้าหลักขัดข้อง โดยปกติจะทำงานอัตโนมัติเมื่อไฟฟ้าหลักดับและสามารถส่องสว่างนานหลายชั่วโมงตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น 1-3 ชั่วโมง เพื่อให้คนในอาคารสามารถหาเส้นทางออกได้อย่างปลอดภัย
ป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน คืออะไร?
ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นป้ายที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณสำคัญของอาคาร เช่น ห้องโถง ทางเดิน บันได และทางออกหลัก ซึ่งจะมีไฟส่องสว่างเพื่อชี้แนวทางออกในกรณีฉุกเฉิน ป้ายนี้ควรมีความชัดเจน อ่านง่าย และทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นและเข้าใจง่ายในเวลาที่จำเป็น
ความสำคัญของเครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน
- เพิ่มความปลอดภัย: รองรับการขึ้นลงในพื้นที่อับ หรือในกรณีไฟดับ
- ลดความตื่นตระหนก: ช่วยให้คนในอาคารสามารถหาเส้นทางออกได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
- เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐาน: การติดตั้งอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของหน่วยงานความปลอดภัย เช่น มอก. หรือ กองบังคับบัญชาไฟฟ้า
การเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉินที่เหมาะสม
- เลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน มอก. หรือมาตรฐานสากล เช่น CE, UL
- เลือกความสว่างที่เพียงพอในพื้นที่ใช้งาน
- คำนึงถึงความสามารถในการใช้งานต่อเนื่องอย่างน้อย 1-3 ชั่วโมง
- ติดตั้งในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนและง่ายต่อการเข้าถึง
- ควรมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อความพร้อมใช้งานเสมอ
สรุป
เครื่องไฟฉุกเฉินและป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยในอาคาร ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ติดตั้งอย่างถูกต้อง และดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพในเวลาที่ต้องการ
ข้อควรระวังในการใช้งานป้ายไฟฉุกเฉิน
1. ไม่ควรติดตั้งไฟฉุกเฉินชนิดแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น ไว้บริเวณที่มีอากาศถ่ายเทไม่ดีเพราะจะทำ ให้ไอตะกั่วระเหยกระจายในอากาศ เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
2. การติดตั้งไฟฉุกเฉิน ต้องมั่นคงแข็งแรง เพราะแบตเตอรี่จะมีน้ำหนักมากอาจจะร่วงหล่นเป็นอันตรายได้
3. ควรเสียบปลั๊กไฟฟ้าเพื่อประจุไฟฟ้าให้แบตเตอรี่เต็มอยู่เสมอ พร้อมใช้งานตลอดเวลาเมื่อไฟฟ้าปกติดับ
ไฟฉุกเฉิน (Emergency Light), ป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน (Emergency Exit sign) ไฟฉุกเฉิน LED, ป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน LED